การดูแลระวังรักษาเท้าเป็นสิ่งจำเป็น สำหรับผู้เป็นเบาหวาน โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่เป็นเบาหวาน มีอัตราเสี่ยงต่อการเกิดแผลเรื้อรัง หรือเกิดการติดเชื้ออย่างรุนแรงมากกว่าคนปกติ ถ้าไม่ได้รับการรักษาที่ดีพอ อาจลุกลามถึงต้องเสียนิ้วหรือเสียขา สิ่งเหล่านี้สามารถป้องกันได้โดยการเอาใจใส่สำรวจเท้าทุกวัน ถ้าเกิดความผิดปกติควรได้รับการดูแลตั้งแต่ระยะสั้น
สาเหตุที่เป็นเบาหวานเกิดแผลที่เท้าง่ายกว่าคนปกติ
- ผู้ที่เป็นเบาหวานมานาน ส่วนใหญ่พบมีการเสื่อมของประสาทส่วนปลายที่ไปเลี้ยงมือและเท้า การรับความรู้สึกน้อยลง เกิดอาการชา โดยเฉพาะนิ้วเท้ามีโอกาสเป็นแผลโดยไม่รู้ตัวหรือกว่าจะสังเกตพบ แผลได้ลุกลามไปมาก เมื่อประสาทที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อขาหรือเท้าเสื่อม กล้ามเนื้อจะแฟบลงทำให้รูปร่างของเท้าผิดปกติ นิ้วเท้างอขึ้น เท้ารับน้ำหนักไม่สม่ำเสมอ บริเวณที่รับน้ำหนักมากหรือถูกกดอยู่เป็นเวลานานจะหนาขึ้น เกิดเป็นตาปลาหรือเป็นแผล
- การไหลเวียนของโลหิตที่ไปสู่ขาลดลง เนื่องจากผนังหลอดเลือดแดงหนาขึ้น ทำให้ขาดอาหารและออกซิเจน ผิวหนังจะบางลง แผลหายช้า เกิดอาการปวดที่น่องเวลาเดิน ถ้าเป็นมากจนหลอดเลือดอุดตันเนื้อเยื่อส่วนปลายจะตายมีสีคล้ำดำขึ้น จนต้องตัดนิ้วหรือนิ้วแห้งดำหลุดไปได้
- ผู้ป่วยที่มีระดับน้ำตาลในโลหิตสูงอยู่นานจะเกิดการติดเชื้อได้ง่าย โดยเฉพาะเชื้อราที่ผิวหนังระหว่างนิ้วเท้า ทำให้ผิวหนังถลอกมีแผลเกิดขึ้น อาจมีเชื้อโรคที่รุนแรงเกิดขึ้นตามมา
วิธีป้องกัน การเสื่อมของประสาทส่วนปลาย
ขณะนี้ยังไม่มีวิธีที่ดีพอ สำหรับป้องกันไม่ให้เกิด แต่อาจทำให้เกิดช้าลงหรือความรุนแรงน้อยลง โดยการควบคุมเบาหวาน รักษาระดับน้ำตาลให้อยู่ในเกณฑ์ใกล้เคียงคนปกติ
วิธีการเกิดการไหลเวียนของโลหิตไปยังเท้า
- บริหารเท้าทุกวัน ซึ่งทำได้โดย
1.1 เดินทุกวันอย่างน้อย 30 นาที – 1 ชั่วโมง
1.2 บริหารขา
1.3 บริหารน่อง
1.4 บริหารข้อเท้า กล้ามเนื้อหลังเท้า ฝ่าเท้า
1.5 เขย่งปลายเท้าขึ้นลง
- งดบุหรี่ บุหรี่ทำให้หลอดเลือดตีบแคบลง
การป้องกันการเกิดแผลที่เท้า
- สำรวจเท้าทุกวัน เช่น รอยบวมแดง ผื่นคัน ตุ่มน้ำใส ขุยขาวที่ซอกนิ้วเท้า ตาปลาและสีเล็บ
- ทำความสะอาดเท้า ล้างเท้าให้สะอาดทุกวัน ด้วยสบู่และน้ำธรรมดาหรือน้ำอุ่น ไม่ใช้น้ำเย็นจัดหรือร้อน เช็ดเท้ารวมทั้งตามซอกนิ้วเท้าให้แห้ง อย่าถูแรง

- นวดผิวหนังที่ขาและเท้าด้วยน้ำมันวาสลิน หรือโลชั่นเพื่อให้ผิวหนังนุ่ม ป้องกันผิวหนังแห้ง จะทำให้คันและเกาเกิดเป็นแผล
- อย่าใช้มีดหรือของมีคมตัดตาปลา
- ถ้ามีเหงื่อออกที่เท้า ต้องเช็ดให้แห้งเสมอ
- ถ้ามีแผหลเล็กน้อย ล้างด้วยน้ำสะอาด ห้ามใช้ยาฆ่าเชื้ออย่างแรงหรือทิงเจอร์ไอโอดีน เพราะอาจทำให้แผลถลอกเป็นมากขึ้น ถ้าแผลใหญ่บวมแดง ต้องรีบปรึกษาแพทย์
- การตัดเล็บ ระวังการตัดเล็บเท้า ต้องตัดเล็บในที่สว่างเห็นได้ชัดเจน ควรตัดเล็บภายหลังอาบน้ำ เพราะเล็บจะนุ่มตัดง่ายขึ้น ควรตัดตรงๆ ไม่ควรตัดสั้นเกินไป


- ใส่ถุงเท้าที่สะอาด และไม่ใช้ถุงเท้าที่รัดเกินไป เพราะจะทำให้เลือดไปเลี้ยงเท้าไม่สะดวก
- รองเท้า รองเท้าต้องนุ่ม ใส่สบาย ระวังถ้าใส่รองเท้าคู่ใหม่ ไม่ควรเดินเกินครั้งละ 30 นาที – 1 ชั่วโมง ควรมีรองเท้า 2 – 3 คู่ที่เหมาะสมไว้สับเปลี่ยน

- ปกป้องเท้า ไม่เดินเท้าเปล่า และควรสวมรองเท้านุ่มๆ พื้นรองเท้าทำด้วยวัสดุกันลื่นขณะอยู่ในบ้าน

.jpg)
- อย่าวางกระเป๋าน้ำร้อนหรือน้ำอุ่นที่เท้า ถ้าเท้าเย็นเวลานอนใส่ถุงเท้า แต่ควรเป็นถุงเท้าที่ไม่รัด
- อย่านั่งไขว้ขา จะกดเส้นเลือดทำให้โลหิต ไปเลี้ยงเท้าไม่สะดวก
- บริหารเท้า เพื่อให้มีการไหลเวียนของโลหิตไปสู่เท้าดีขึ้น
- ควบคุมเบาหวานให้ดี รักษาระดับน้ำตาลอยู่ระหว่าง 90 – 150 มิลลิกรัม%
- มีปัญหาปรึกษาแพทย์
ผู้ป่วยเบาหวาน มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องระวังรักษาเท้าให้ดีเท่าใบหน้า หรือยิ่งกว่า ด้วยการบริหารเท้า งดการสูบบุหรี่ ดูแลความสะอาดของเท้า พร้อมทั้งเลือกรองเท้าที่เหมาะสม
(ที่มา : กลุ่มงานสุขศึกษา โรงพยาบาลปทุมธานี )