ถ้าสมชายจะไปยืมเงินคุณนายสมศรี แต่ยังไม่กล้าเอ่ยปาก จึงพูดเลียบๆ เคียงๆ หว่านล้อมด้วยเรื่องรอบข้าง จนคุณนายสมศรีต้องออกปากว่า นี่ คุณสมชาย จะพูดอะไรก็พูดมาตรงๆ ไม่ต้องชักแม่น้ำทั้งห้าให้เสียเวลา
นี่ไง ชักแม่น้ำทั้งห้า สำนวนไทยล้ำลึกไหม และสงสัยไหมว่าทำไมต้องไปเกี่ยวกับแม่น้ำตั้ง 5 สายด้วย มีแม่น้ำอะไรบ้าง สำนวนนี้มาจากวรรณคดีเรื่อง "มหาเวสสันดรชาดกกัณฑ์กุมาร ตอนที่ชูชกไปขอสองกุมาร ไปถึงจะเอ่ยขอลูกของใคร ใครเลยจะให้ ชูชกจึงพูดจาหว่านล้อม ยกแม่น้ำทั้ง 5 สายของอินเดียคือ คงคา ยมุนา อจิวดี สรภู และ มหิ ขึ้นอ้าง ให้เห็นว่าแม่น้ำทั้งห้ามีคุณประโยชน์ต่อมนุษย์อย่างไร เปรียบเสมือนน้ำพระทัยของพระเวสสันดร นั่นเอง จากวรรณคดี คนไทยโบราณก็หยิบมาใช้เป็นสำนวนเปรียบเทียบได้อย่างแนบเนียนจนถึงทุกวันนี้
จากแม่น้ำทั้งห้า มาดูสำนวน แจงสี่เบี้ย ซึ่งเป็นสำนวนที่ให้ความหมายลึกล้ำเหมือนกัน แจงสี่เบี้ยหมายถึงการพูดชี้แจงหรืออธิบายถึงสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างละเอียด สำนวนนี้มาจากการเล่นพนันสมันก่อน การเล่นถั่วหรือโป เจ้ามือจะกอบเบี้ยจั่นหรือใช้แก้วครอบให้ผู้เล่นเก็งว่าจะออกอะไร เมื่อเปิดออกก็ใช้ไม้เขี่ยหรือแจงทีละ 4 เบี้ย ไปจนเหลือเบี้ยครั้งสุดท้ายกี่เบี้ย ใครแทงประตูนั้นก็ได้เงินไป การพนันนี้จึงถูกนำมาใช้เป็นสำนวนพูดเปรียบเทียบ เมื่อใครถูกซักเรื่องส่วนตัวมากๆก็จะร้องว่า นี่ฉันไปไหน ทำอะไร ฉันต้องแจงสี่เบี้ยด้วยหรือ
(ที่มา: หนังสือ 3 นาทีมีสาระ เล่มที่ 2 ของ บจม. ธนาคารกสิกรไทย)